เรอัล มาดริด พบ ดอร์ทมุนด์ เกมฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2025 ระหว่าง “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด กับ “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จะมีขึ้นในวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 ณ สนามเวมบลีย์ สเตเดียม กรุงลอนดอน โดยถือเป็นการรีแมตช์ของนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2024 ที่เรอัล มาดริดเฉือนเอาชนะไปด้วยสกอร์ 2-0
เรอัล มาดริด ภายใต้การคุมทีมของคาร์โล อันเชลอตติ ยังคงโชว์ฟอร์มแชมป์อย่างต่อเนื่อง หลังคว้าทริปเปิลแชมป์ในฤดูกาลที่ผ่านมา โดยเฉพาะการเข้ามาของคีลิยัน เอ็มบัปเป้ ยิ่งเติมมิติเกมรุกให้ทีมน่ากลัวมากขึ้น ขณะที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่สร้างเซอร์ไพรส์เข้าชิงทั้งยูฟ่าและสโมสรโลกในปีเดียว ก็ยังคงเล่นด้วยพลังของหนุ่มไฟแรงและเกมสวนกลับเฉียบคมภายใต้การนำของเอดิน แทอร์ซิช
เมื่อเปรียบเทียบผลงานทั้งสองทีมจากรายการสโมสรโลก 2025 และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลล่าสุด สถิติสำคัญมีดังนี้
ชัดเจนว่าเรอัล มาดริด มีสถิติที่เหนือกว่าในแทบทุกด้าน ขณะที่ดอร์ทมุนด์เน้นใช้โอกาสสวนกลับและความเร็วในแดนหน้า
จุดเด่น: เกมรุกที่หลากหลาย โดยเฉพาะจาก คีลิยัน เอ็มบัปเป้, วินิซิอุส จูเนียร์ และเบลลิงแฮม ที่เล่นด้วยความเข้าใจและความเร็ว ขณะที่แผงมิดฟิลด์ที่มีทั้งโทนี โครส และลูก้า โมดริช คอยคุมจังหวะก็ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของทีม
จุดด้อย: ปัญหาเล็กน้อยในเกมรับด้านขวา ซึ่งดานี การ์บาฆาล เริ่มมีจังหวะหลุดตำแหน่งบ่อยขึ้น รวมถึงเรื่องความล้าจากการลงสนามถี่ในช่วงเดือนมิถุนายน
จุดเด่น: เกมสวนกลับรวดเร็วโดยเฉพาะ เจมี ไบโน-กิตเทนส์ และคาริม อเดเยมี ที่เล่นได้อย่างอันตราย ขณะเดียวกันเกมรับที่นำโดยมาร์ติน โคเบิล ก็เริ่มมีความนิ่งและแน่นมากขึ้นในระบบสามเซ็นเตอร์
จุดด้อย: ขาดประสิทธิภาพในจังหวะสุดท้าย และความผิดพลาดส่วนตัวในเกมรุกที่ยังเจอเป็นระยะ ในหลายเกมในฤดูกาลนี้ ดอร์ทมุนด์สร้างจังหวะดีแต่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้
หนึ่งในปัจจัยที่ต้องพิจารณาคือความล้า โดยเฉพาะทางฝั่งเรอัล มาดริด ที่ผ่านโปรแกรมชิงถ้วยหลายรายการในเดือนก่อนหน้า แม้จะมีขุมกำลังเชิงลึกแต่ความเหนื่อยล้ายังเป็นตัวแปรสำคัญ ส่วนดอร์ทมุนด์นั้นได้พักนานกว่า และมีการโรเตชันผู้เล่นไปหลายรายในรอบรอง
อีกประเด็นคือสภาพสนามเวมบลีย์ ซึ่ง มาดริด คุ้นเคยพอสมควรจากนัดชิง UCL ที่ผ่านมา ขณะที่ดอร์ทมุนด์เคยพ่ายที่นี่มาแล้ว อาจส่งผลต่อสภาพจิตใจและแรงกดดันจากความทรงจำเดิม
สำหรับฝั่งเรอัล มาดริด ตัวแปรหลักคือ จู๊ด เบลลิงแฮม ที่จะลงพบอดีตต้นสังกัดของเขาเอง ซึ่งผลงานในช่วงหลังชัดเจนว่าเขาคือหัวใจในแดนกลางของมาดริด ขณะเดียวกัน เอ็มบัปเป้ กับวินิซิอุส จูเนียร์ ที่เล่นประสานกันได้อย่างยอดเยี่ยม ก็จะเป็นภัยคุกคามหลักของแนวรับดอร์ทมุนด์
ฝั่งดอร์ทมุนด์ ตัวป่วนที่อาจเปลี่ยนเกมได้คือ อเดเยมี ที่มีสปีดจัดในการสวนกลับ และ มาร์โก รอยส์ ที่แม้จะอายุครบ 35 ปี แต่ความเยือกเย็นในจังหวะสำคัญยังเป็นที่ไว้ใจได้ นอกจากนี้การควบคุมกลางโดยเอ็มเร่ ชาน จะเป็นกุญแจสำคัญในการตัดโมเมนตัมของมาดริด
เรอัล มาดริด น่าจะเป็นฝ่ายครองบอลมากกว่า พยายามเปิดเกมรุกจากแนวลึกโดยใช้การเคลื่อนที่ของวินิซิอุส กับเอ็มบัปเป้ ทำให้แนวรับดอร์ทมุนด์ต้องระวังพื้นที่ด้านข้าง ขณะเดียวกัน ดอร์ทมุนด์จะเน้นตั้งต่ำและรอจังหวะโต้กลับเร็วตามสไตล์ ด้วยความเร็วของแนวรุก
เกมน่าจะใจเย็นในช่วง 30 นาทีแรก ก่อนที่เกมจะเริ่มเปิดและมีโอกาสระเบิดสกอร์ในช่วงท้ายครึ่งแรกหรือครึ่งหลัง โดยความละเอียดในแดนกลางและการปิดจังหวะสุดท้ายจะเป็นตัวชี้ขาด
เรอัล มาดริด พบ ดอร์ทมุนด์ เมื่อพิจารณาจากภาพรวมทั้งในแง่ของศักยภาพ ความเหนียวแน่น และประสบการณ์ในเกมใหญ่ เรอัล มาดริด ยังถือเป็นทีมที่เหนือกว่าทั้งในเกมรุกและความเฉียบคม ดอร์ทมุนด์อาจสร้างปัญหาได้บ้างในจังหวะสวนกลับ แต่หากวัดกันใน 90 นาทีเต็ม เรอัล มาดริด มีเครื่องมือมากพอในการคว้าแชมป์
เรอัล มาดริด 2 - 1 โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
หากคุณกำลังมองหาเว็บแทงบอลออนไลน์ที่มั่นคง ราคาดี และเล่นได้ทุกลีกดัง UFAKOREA999 คือทางเลือกที่คุณไม่ควรพลาด! สมัครง่าย ฝากถอนเร็ว พร้อมทีมแอดมินดูแล 24 ชม. สนใจแทงบอล สมัครสมาชิก คลิก !
บริการ เว็บ คาสิโนออนไลน์ สล็อต แทงบอลออนไลน์ ยิงปลา เกมส์ไพ่ เงินวอน 24 ชม.