เกาหลีใต้ พบ ญี่ปุ่น ศึกฟุตบอลรายการ EAFF East Asian Cup 2025 คู่ที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษคงหนีไม่พ้นการปะทะกันระหว่าง "โสมขาว" ทีมชาติเกาหลีใต้ กับ "ซามูไรบลู" ทีมชาติญี่ปุ่น ซึ่งจะแข่งขันที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ในวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ.2568 เวลา 17.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น เกมนี้มีความหมายอย่างสูงต่อการชิงความเป็นใหญ่ในเอเชียตะวันออก ระหว่างสองมหาอำนาจแห่งวงการฟุตบอลเอเชียที่มีประวัติการพบกันอย่างยาวนาน ทั้งในระดับทวีปและระดับโลก โดยเกาหลีใต้ในฐานะเจ้าภาพย่อมไม่ต้องการพ่ายแพ้คาถิ่น ขณะที่ญี่ปุ่นซึ่งอยู่ในฟอร์มอันร้อนแรงหวังใช้จังหวะนี้ตอกย้ำสถานะทีมเบอร์หนึ่งของภูมิภาค
หากพิจารณาจากสถิติย้อนหลัง 10 นัดหลังสุดในรอบปีที่ผ่านมา (ทั้งเกมอุ่นเครื่องและการแข่งขันทางการ) ญี่ปุ่นมีค่าเฉลี่ยการครองบอลสูงถึง 60.8% ต่อเกม ขณะที่เกาหลีใต้อยู่ที่ 54.2% ในเรื่องของโอกาสยิงตรงกรอบ ญี่ปุ่นเฉลี่ย 6.1 ครั้งต่อเกม ส่วนเกาหลีใต้ที่ 5.3 ครั้งต่อเกม ด้านค่า xG หรือ Expected Goals ญี่ปุ่นอยู่ที่ 1.85 ต่อเกม เทียบกับเกาหลีใต้ที่ 1.49 ต่อเกม ซึ่งชี้ให้เห็นว่าญี่ปุ่นสามารถสร้างโอกาสจบสกอร์ที่มีคุณภาพได้มากกว่า นอกจากนี้ ญี่ปุ่นเสียประตูเฉลี่ยเพียง 0.6 ประตู/เกม โดยมีการปิดพื้นที่แดนหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่างจากเกาหลีใต้ที่เสียถึง 1.1 ประตู/เกมในช่วงเดียวกัน
จุดเด่นของเกาหลีใต้อยู่ที่พละกำลัง ความเร็วของแนวรุก และการเล่นเกมเพรสซิ่งสูงในแดนคู่แข่ง ผู้เล่นอย่าง ซน ฮึง-มิน และ อี คัง-อิน มีความสามารถในการลากบอลและยิงจากระยะไกล อย่างไรก็ตาม ปัญหาของทีมอยู่ที่แนวรับที่ยังขาดความสม่ำเสมอ โดยเฉพาะพื้นที่ระหว่างแบ็คกับเซ็นเตอร์ที่มักเปิดช่องให้เจาะ อีกจุดอ่อนคือการผ่านบอลในพื้นที่แคบซึ่งยังขาดไอเดียเมื่อถูกบีบพื้นที่จากแนวรับคู่แข่งที่มีระเบียบวินัย
ญี่ปุ่นมีจุดเด่นเรื่องระบบการเล่นที่ถูกฝึกมาอย่างดีเยี่ยม ตั้งแต่การต่อบอลแดนกลาง ไปสู่ปีกและครอสเข้าในกรอบเขตโทษ โดยมี ทาเคฟุสะ คุโบะ และ คาโอรุ มิโตมะ เป็นตัวขับเคลื่อนเกมรุกที่มีความเร็วและเทคนิคสูง จุดแข็งอีกจุดคือเกมรับที่มีความกระชับและคุมโซนได้ดี อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนของญี่ปุ่นยังคงอยู่ที่การเล่นลูกตั้งเตะ โดยเฉพาะลูกเตะมุม ที่มักถูกตอบโต้ได้จากคู่แข่ง และยังไม่ค่อยมีความเด็ดขาดเมื่อต้องเจอกับทีมที่ตั้งรับลึก
หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือ “ความฟิตตัวผู้เล่น” โดยฝั่งเกาหลีใต้เพิ่งลงอุ่นเครื่องกับอุซเบกิสถานเมื่อสามวันก่อน ขณะที่ญี่ปุ่นมีเวลาพักถึง 6 วัน นอกจากนี้ ความกดดันจากการเล่นในบ้านอาจส่งผลทั้งด้านจิตใจและสมาธิสำหรับเกาหลีใต้ ซึ่งมักเล่นได้กดดันเมื่อคาดหวังสูง อีกทั้งสภาพอากาศช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ซึ่งอากาศในเมืองโซลค่อนข้างร้อนและชื้น อาจกระทบต่อจังหวะการเล่นของทีมญี่ปุ่นที่พึ่งเกมเพรสซิ่งต่อเนื่อง
ซน ฮึง-มิน ยังคงเป็นตัวแปรสำคัญที่แนวรับญี่ปุ่นต้องจับตา เพราะความสามารถในการหาพื้นที่ระหว่างแผงหลัง และการจบสกอร์แบบคมกริบ ในด้านญี่ปุ่น คาโอรุ มิโตมะ จะเป็นตัวที่เปลี่ยนจังหวะเกมได้ผ่านการลากเลื้อยในปีกซ้าย หากเขาสามารถเจาะแนวรับฝั่งขวาของเกาหลีใต้ซึ่งมีจุดอ่อนเป็นทุนเดิมได้ จะเปิดโอกาสให้มีการทำประตูแบบเจาะด้านข้าง นอกเหนือจากนี้ ศึกแดนกลางระหว่าง วาตารุ เอ็นโดะ กับ ฮวาง อิน-บอม มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากใครสามารถครองบอลและอ่านจังหวะเกมได้จะเป็นผู้กำหนดภาพรวมแมตช์นี้
คาดว่าเกมจะเริ่มต้นด้วยการครอบครองบอลของญี่ปุ่น และพยายามควบคุมจังหวะเกมจากแดนกลาง เกาหลีใต้จะเน้นการโต้กลับเร็วโดยใช้ปีกทั้งสองข้างและการจ่ายลึกไปข้างหน้า เชื่อว่ายูริโช โยโกฮามะ กุนซือญี่ปุ่นจะให้ลูกทีมขึ้นเกมอย่างระมัดระวังและพยายามใช้ทักษะการต่อบอลทะลุแนวเพรสของเกาหลีใต้ ขณะที่ คิม โด ฮุน กุนซือเจ้าบ้านจะให้ลูกทีมเริ่มต้นด้วยเกมบีบหนักในแดนบนเพื่อกดความเร็วคู่แข่ง ทั้งสองฝ่ายน่าจะระวังตัวกันในช่วงต้นเกม แต่หากมีประตูเกิดขึ้น ความเร็วของจังหวะเกมจะเปลี่ยนไปทันที
เกาหลีใต้ พบ ญี่ปุ่น ดูจากฟอร์มและความลงตัวของระบบทีม ญี่ปุ่นดูเป็นฝ่ายที่มีความพร้อมมากกว่าในเชิงแท็คติก ความแม่นยำในจังหวะสุดท้าย และวินัยเกมรับ ขณะที่เกาหลีใต้อาจโดดเด่นในจังหวะโต้กลับและได้เปรียบจากเสียงเชียร์ในบ้าน แต่ภาพรวมยังมีช่องโหว่พอให้คู่แข่งโจมตี สุดท้ายแล้ว ประสิทธิภาพในแดนกลางและความสามารถในการใช้พื้นที่อย่างชาญฉลาดของญี่ปุ่นน่าจะเป็นปัจจัยชี้ขาด
ฟันธง: เกาหลีใต้ 1-2 ญี่ปุ่น
หากคุณกำลังมองหาเว็บแทงบอลออนไลน์ที่มั่นคง ราคาดี และเล่นได้ทุกลีกดัง UFAKOREA999 คือทางเลือกที่คุณไม่ควรพลาด! สมัครง่าย ฝากถอนเร็ว พร้อมทีมแอดมินดูแล 24 ชม. สนใจแทงบอล สมัครสมาชิก คลิก !
0บริการ เว็บ คาสิโนออนไลน์ สล็อต แทงบอลออนไลน์ ยิงปลา เกมส์ไพ่ เงินวอน 24 ชม.